
แผ่นดินไหวในประเทศไทยอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในตลาดหุ้นทั้งในแง่ลบและแง่บวก โดยสามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ดังนี้
กลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ
- อสังหาริมทรัพย์ (Property & REITs)
- โครงการก่อสร้างอาจล่าช้า
 - ความเสียหายของอาคารและทรัพย์สินอาจทำให้ต้นทุนซ่อมแซมเพิ่มขึ้น
 - ความเชื่อมั่นของผู้ซื้ออาจลดลง
 
 - ประกันภัย (Insurance)
- บริษัทประกันอาจต้องจ่ายค่าสินไหมให้กับผู้ได้รับความเสียหาย
 - กระทบต่อผลประกอบการระยะสั้น
 
 - การท่องเที่ยว (Tourism & Airlines)
- หากเกิดในแหล่งท่องเที่ยว อาจทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกแผนการเดินทาง
 - โรงแรมและสายการบินอาจมีอัตราการเข้าพักและจองตั๋วลดลง
 
 - ธนาคาร (Banking)
- อาจเกิดหนี้เสียเพิ่มขึ้นจากลูกค้าที่ได้รับผลกระทบและไม่สามารถชำระหนี้ได้
 
 - วัสดุก่อสร้าง (Construction Materials)
- อาจได้รับผลกระทบหากโรงงานผลิตได้รับความเสียหาย
 
 
กลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงบวก
- รับเหมาก่อสร้าง (Construction & Engineering)
- โครงการซ่อมแซมและสร้างใหม่อาจเพิ่มขึ้น
 - ภาครัฐอาจเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม
 
 - วัสดุก่อสร้าง (Construction Materials)
- ความต้องการปูนซีเมนต์, เหล็ก, กระเบื้อง ฯลฯ อาจเพิ่มขึ้นในช่วงฟื้นฟู
 
 - พลังงานและสาธารณูปโภค (Energy & Utilities)
- หากโครงสร้างพื้นฐานเสียหาย อาจมีการลงทุนซ่อมแซมและพัฒนาใหม่
 
 - อุตสาหกรรมซ่อมแซมและบรรเทาสาธารณภัย (Disaster Recovery & Safety Equipment)
- บริษัทที่จำหน่ายอุปกรณ์กู้ภัย, เครื่องตรวจจับแผ่นดินไหว, หรือเครื่องมือก่อสร้าง อาจมียอดขายเพิ่มขึ้น
 
 - ค้าปลีก (Retail & Consumer Goods – เฉพาะบางกลุ่ม)
- สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น อาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์ยังชีพ อาจมียอดขายเพิ่ม