การจัดพอร์ตหุ้นเบื้องต้น

การจัดพอร์ตหุ้นเบื้องต้น

เมื่อเริ่มต้นเข้าสู่โลกของการลงทุนในหุ้น หนึ่งในคำถามที่มือใหม่มักสงสัยคือ “จะเริ่มต้นจัดพอร์ตยังไงดี?” เพราะการ จัดพอร์ตหุ้นอย่างเป็นระบบ คือหัวใจสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างมั่นคง

บทความนี้จะพาคุณไปเรียนรู้ การจัดพอร์ตหุ้นเบื้องต้น อย่างเป็นขั้นตอน เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นลงทุนอย่างมีหลักการ

การจัดพอร์ตหุ้นเบื้องต้น คืออะไร?

“การจัดพอร์ต” หรือ “Portfolio Allocation” หมายถึง การวางแผนและกระจายการลงทุนในหุ้นหลาย ๆ ตัวอย่างเหมาะสม เพื่อบริหารความเสี่ยงให้สอดคล้องกับเป้าหมายและสไตล์ของผู้ลงทุน

พูดง่าย ๆ คือ ไม่ควรทุ่มเงินทั้งหมดไปกับหุ้นตัวเดียว แต่ควรเลือกหุ้นที่หลากหลาย ทั้งในแง่อุตสาหกรรม ขนาดบริษัท และระดับความเสี่ยง เพื่อให้พอร์ตมีความสมดุลและมั่นคง

ขั้นตอนการจัดพอร์ตหุ้นเบื้องต้น

1. รู้จักตัวเองก่อนลงทุน

ก่อนจัดพอร์ต คุณต้องประเมินตัวเองในเรื่องต่าง ๆ เช่น

  • เป้าหมายการลงทุน: เพื่อเกษียณ รายได้เสริม หรือเก็งกำไรระยะสั้น
  • ระยะเวลาลงทุน: ลงทุนยาวนานแค่ไหน
  • ความสามารถในการรับความเสี่ยง: รับขาดทุนได้มากน้อยแค่ไหน

การรู้จักตัวเองจะช่วยกำหนด “สัดส่วนพอร์ต” ได้อย่างเหมาะสม

2. แบ่งพอร์ตตามระดับความเสี่ยง

เบื้องต้นคุณสามารถแบ่งพอร์ตออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่:

  • หุ้นความเสี่ยงต่ำ: เช่น หุ้นปันผล หุ้นพื้นฐานดี (เช่น PTT, ADVANC)
  • หุ้นความเสี่ยงกลาง: หุ้นเติบโต หุ้นขนาดกลาง
  • หุ้นความเสี่ยงสูง: หุ้นเก็งกำไร หุ้นขนาดเล็ก

ตัวอย่างการแบ่งสัดส่วนพอร์ตแบบมือใหม่

  • หุ้นเสี่ยงต่ำ 50%
  • หุ้นเสี่ยงกลาง 30%
  • หุ้นเสี่ยงสูง 20%

3. กระจายความเสี่ยงด้วยอุตสาหกรรม

หลีกเลี่ยงการซื้อหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันทั้งหมด เพราะหากอุตสาหกรรมนั้นเจอวิกฤต จะทำให้พอร์ตของคุณขาดทุนยกชุด
ควรลงทุนหลากหลายกลุ่ม เช่น

  • กลุ่มพลังงาน
  • กลุ่มอาหาร
  • กลุ่มเทคโนโลยี
  • กลุ่มธนาคาร
  • กลุ่มการแพทย์ ฯลฯ

4. ปรับพอร์ตเป็นระยะ (Rebalancing)

เมื่อเวลาผ่านไป หุ้นบางตัวอาจเติบโตเร็วเกินไป หรือบางตัวอาจมีสัดส่วนลดลงจากที่ตั้งไว้ ควร ทบทวนและปรับพอร์ตทุก 3-6 เดือน เพื่อให้สัดส่วนของพอร์ตกลับมาเหมาะสมตามเป้าหมายเดิม

5. มีเงินสดสำรอง

มือใหม่หลายคนมักทุ่มหมดหน้าตัก ซึ่งไม่แนะนำเลย คุณควร กันเงินสดไว้อย่างน้อย 10-20% ของพอร์ต เพื่อไว้ใช้กรณีฉุกเฉิน หรือเก็บไว้ซื้อหุ้นในจังหวะที่ราคาย่อลง

หากคุณยังไม่มีประสบการณ์หรือไม่แน่ใจว่าจะจัดพอร์ตอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง ขอแนะนำให้เริ่มจากการเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางรากฐานที่มั่นคง

คลิกดูรายละเอียดคอร์สเพิ่มเติม >> คอร์สเรียนหุ้น คอร์สสอนหุ้น

Scroll to Top