อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญในการเลือกหุ้น

อัตราส่วนทางการเงิน

การลงทุนในหุ้นให้ได้ผลตอบแทนดี ไม่ได้อาศัยแค่ดวงหรือกระแสข่าว แต่ต้องมีพื้นฐานการวิเคราะห์ที่มั่นคง โดยหนึ่งในเครื่องมือที่นักลงทุนมือใหม่ควรรู้จัก คือ “อัตราส่วนทางการเงิน” นั่นเอง

อัตราส่วนเหล่านี้เปรียบเสมือนเครื่องมือวัดสุขภาพของบริษัท ช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่า บริษัทที่เราสนใจลงทุน มีความแข็งแรงและน่าลงทุนจริงหรือไม่

อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญที่ต้องรู้

1. อัตราส่วนสภาพคล่อง (Liquidity Ratio)

เช่น Current Ratio (สินทรัพย์หมุนเวียน ÷ หนี้สินหมุนเวียน) ช่วยวัดว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นมากน้อยแค่ไหน

2. อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E Ratio)

ถ้า D/E สูงเกินไป อาจหมายถึงความเสี่ยงที่บริษัทจะมีภาระหนี้มากเกินความสามารถในการบริหารจัดการ

3. อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE)

เป็นตัวชี้วัดว่าบริษัทสามารถทำกำไรจากเงินทุนของผู้ถือหุ้นได้ดีแค่ไหน ยิ่ง ROE สูง ยิ่งน่าสนใจ

4. อัตราส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit Margin)

แสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถเปลี่ยนยอดขายให้กลายเป็นกำไรสุทธิได้มากน้อยเพียงใด

5. อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio)

เป็นการประเมินว่าราคาหุ้นปัจจุบันสูงหรือต่ำเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ ถ้า P/E ต่ำเกินไป หรือสูงเกินไป ต้องวิเคราะห์เพิ่มเติมว่ามีเหตุผลรองรับหรือไม่

ทำไมอัตราส่วนทางการเงินถึงสำคัญ?

การอ่านและเข้าใจอัตราส่วนทางการเงินช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพรวมบริษัทได้ชัดเจนขึ้น ลดความเสี่ยงจากการเลือกหุ้นที่มีปัญหาทางการเงิน และเพิ่มโอกาสในการเลือกหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาวได้อย่างแม่นยำ

อยากเข้าใจการวิเคราะห์หุ้นอย่างถูกต้อง พร้อมอ่านงบการเงินและอัตราส่วนทางการเงินได้ด้วยตัวเอง?
เริ่มต้นเรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐานกับ คอร์สสอนหุ้น และ คอร์สเรียนหุ้น ที่ออกแบบมาเพื่อมือใหม่โดยเฉพาะ เข้าใจง่าย ใช้งานได้จริง!
คลิกดูรายละเอียดคอร์สเพิ่มเติม >> คอร์สเรียนหุ้น คอร์สสอนหุ้น

Scroll to Top