คำศัพท์เกี่ยวกับหุ้น

สอนเล่นหุ้น Avatar

·

คำศัพท์ที่ใช้ในตลาดหุ้นมักเข้าใจได้ยาก ดังนั้นเราจำเป็นต้องรู้จักศัพท์เหล่านี้ เพื่อที่จะได้เข้าใจความหมายของมัน

ในทางปฏิบัติ นักลงทุนมักใช้ภาษาที่เรียบง่าย เพราะมันเข้าใจง่ายและเห็นภาพได้เร็ว

การเรียนรู้คำศัพท์นี้ ไม่เพียงทำให้เราเข้าใจตลาดหุ้นมากขึ้นและสามารถสนทนากับนักลงทุนมือโปร แต่หากเรานำมาใช้เอง เราจะดูเหมือนนักลงทุนมือโปรมากขึ้น

เม่า เคยใช้เรียกนักลงทุนที่มีพฤติกรรมคล้าย “แมลงเม่า” ซึ่งขาดทุนจากการซื้อหุ้นในราคาที่กำลังเพิ่มขึ้นมาก นักลงทุนที่ทำอย่างนี้ก็คือเหมือนแมลงเม่าบินเข้าไปในไฟและกำลังจะตายอยู่ในนั้น

แต่ในปัจจุบันคำนี้มักใช้เรียก “นักลงทุนรายย่อย” อย่างเรา และถ้านักลงทุนรายย่อยประสบความสำเร็จก็จะถูกเรียกว่า ‘พญาเม่า’ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นเม่า แต่เราก็พยายามที่จะกลายเป็นพญาเม่า

หรั่ง เกิดจากคำว่า “ฝรั่ง” และถูกใช้เรียก “นักลงทุนต่างประเทศ” หรือ NVDR นักลงทุนนี้มีบทบาทในตลาดมาก

กอง มาจากคำว่า “กองทุน” หรือ “กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ” นักลงทุนกลุ่มนี้สำคัญเพราะมีจำนวนเงินลงทุนมากกว่านักลงทุนรายย่อย

ปอบ มาจากคำว่า “Proprietary trading” หรือ “กลุ่มนักลงทุนบริษัทหลักทรัพย์” โบรกเกอร์ที่เราใช้บริการนั่นเอง นอกจากค่าคอมมิชชั่นที่พวกเขาได้จากการซื้อขายหุ้น พวกปอบยังได้รายได้จากการลงทุนในหุ้นเหมือนเรา

ปอด มีความหมายว่า หลังจากที่ซื้อหุ้นไปแล้วราคากลับลดลงมาก และหากต้องการขายก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุน ควรรอราคาขึ้นมาให้ราคาขายดีกว่า การติดดอยไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ต้องวางแผนอย่างดี

เคาะขวา มีความหมายว่า “ซื้อหุ้น” ที่มีคนขายในข้างขวา คำนี้จะใช้เมื่อนักลงทุนต้องการซื้อเร็ว เคาะขวาได้รัวๆ

โยนซ้าย มีความหมายคล้ายกับเคาะขวา แต่เป็นการขายให้คนอื่นที่ซื้ออยู่ทางฝั่งซ้าย ควรใช้เมื่อไม่ต้องการถือหุ้นนั้นอีกแล้ว

ตกรถ คำนี้อธิบายการพลาดในการซื้อหุ้นเมื่อราคาของหุ้นเหล่านั้นเมื่อราคาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ตัวอย่างเช่น คุณอาจมองหุ้นนึงในราคา 30 บาท แต่กลัวที่จะซื้อเมื่อราคาเพิ่มขึ้น, และเมื่อกลับมาดูหลังจากนั้นราคาของหุ้นนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 40 บาท คำนี้เราเรียกว่า “ตกรถอดขึ้นดอย”

ขายหมู การขายหมูหมายถึงการขายหุ้นเมื่อราคาของมันได้ราคาที่คุณคาดหวังไว้แล้ว แต่ราคาหุ้นยังคงขึ้นไปต่อ อาการนี้เราเรียกว่า “ขายหมู”

ซื้อควาย ซื้อควายหมายถึงการนำเงินจากการขายหุ้นก่อนหน้านั้นมาซื้อหุ้นใหม่ และกลับขาดทุน ควรให้เวลาในการศึกษาหุ้นที่ต้องการจะซื้อใหม่ก่อนการลงทุน

ช้อน การช้อนหุ้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นลดลงมาเยอะเกินไป แล้วคุณตัดสินใจซื้อ หากคุณเริ่มช้อนซื้อในจุดที่ถูกจริงๆ คุณอาจจะได้กำไรได้อย่างมหาศาล ตัวอย่างคือช่วงที่หุ้นไทยลดลงหนักๆ เนื่องจากโควิด-19 ใครเก็บเงินสดไว้ช้อนหุ้นตอนนั้นน่าจะได้กำไรมาก

รับมีด คำนี้นำมาจากการช้อนหุ้น และใช้เพื่อเลียนแบบความเจ็บตัวที่คุณอาจได้จากการช้อนหุ้น ในกรณีนี้คุณเข้าไปในตลาดหุ้นตอนที่ราคาลดลงและคุณคาดหวังว่าราคาจะขึ้นขึ้น เพียงแต่ความสว่างเมื่อราคาหุ้นที่คุณซื้อลดลงมากก็ทำให้คุณรู้สึกเจ็บตัว

นั่งทับมือ คำนี้หมายถึงการไม่กระทำอะไรทั้งสิ้น การลงทุนหนั้นควรต้องเริ่มด้วยการศึกษาและวางแผนอย่างรอบคอบ และไม่ควรเพียงแค่รอดู ถ้าคุณไม่กระทำอะไรเลย, มันอาจจะทำให้คุณขาดโอกาสดีๆ ในตลาดหุ้น

ไม้ คำนี้หมายถึงจำนวนครั้งที่คุณซื้อหุ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการซื้อ 1,200 หุ้นจากหุ้นนั้น, คุณอาจแบ่งการซื้อเป็น 3 รอบ, โดยซื้อ 400 หุ้นในแต่ละรอบ. แบบนี้เราเรียกว่า “แบ่งเก็บ 3 ไม้,” แต่ละไม้มี 400 หุ้น

ถัว คำนี้มาจากคำว่า “ถัวเฉลี่ย” และเกิดขึ้นเมื่อคุณซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของหุ้นที่คุณมีอยู่แล้ว. สำหรับตัวอย่าง คุณอาจมีหุ้น 100 หุ้นที่มีต้นทุน 100 บาทต่อหุ้น แต่ราคาล่าสุดลดลงมาเหลือ 90 บาท. การซื้อเพิ่มเพื่อปรับเท่าเป็นราคาเฉลี่ยนั้นเราเรียกว่า “ถัว”

เด้ง คำนี้มีสองบริบท บริบทแรกคือ หุ้นที่กำลังปรับลงและกลับขึ้นมา ตัวอย่างเช่น, เมื่อเช้าราคาหุ้นยังลดลงแรง, แต่ตอนนี้ราคาเริ่มปรับขึ้นมา เราเรียกคำนี้ว่า “เด้งมาเขียวแล้ว” บริบทที่สองเกี่ยวกับกำไรจากการลงทุนในหุ้นที่เราถืออยู่, 1 เด้ง คือกำไรบวก 100% ในตลาดหุ้นไทยเคยมีหุ้น 20 เด้ง +2,000% ด้วย!

คัท คำนี้มาจากคำว่า “คัทลอส” หรือการตัดขาดทุน คำนี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่นักลงทุนมือใหม่ควรทราบ สมมติว่าคุณซื้อหุ้นในราคา 10 บาท เพราะคุณคาดว่าราคาจะขึ้น แต่ถ้าคุณพบว่าคาดว่าผิดและราคาหุ้นลดลง, คุณจะต้องขายออกก่อนที่ราคาจะลดลงมากขึ้น. การใช้คำว่า “คัท” ขึ้นอยู่กับความคาดหวังและกลยุทธ์ของแต่ละคน คุณจะรู้ว่าคุณควรต้อง “คัทลอส” หากคุณขาดทุนเกิน 5%

เจ้ามือ คำนี้หมายถึง “Market Maker” คือคนที่ทำตลาดหุ้น. นักลงทุนมือใหม่ควรใช้วิจารณญาณ เนื่องจากมีคนหลายคนยังไม่เชื่อมีเจ้ามืออยู่จริง. เจ้ามือทำหน้าที่ควบคุมราคาหุ้นโดยการวางราคาซื้อและขายในตลาด. ถ้าเจ้ามือไม่ต้องการให้ราคาหุ้นปรับขึ้นมาก, เขาจะวางขายหุ้นไว้มากเพื่อป้องกันราคาสูงขึ้น

ลาก คำนี้ใช้เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมากในระยะเวลาสั้น ๆ โดยไม่มีเหตุผลชัดเจน. คนเชื่อว่าเจ้ามือกำลัง “ลาก” ราคาขึ้น โดยการไม่วางราคาขายหุ้นอยู่ที่ราคาขายเก่าแต่วางราคาซื้อหุ้นไว้มากเพื่อไม่ให้ใครขายเหมือนคนเรา

ทุบ คำนี้เกี่ยวกับเจ้ามือเช่นกัน แต่ตรงข้ามกับคำว่า “ลาก”. ทุบหุ้นหมายถึงราคาหุ้นลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน. เจ้ามือทุบราคาหุ้นเพื่อสลัดการขายของคนอื่น, และหลังจากนั้นเขาอาจจะเข้ามาซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำมาก

ลิ่ง คำนี้เกี่ยวกับการขอบเขตของราคาขาย-ซื้อในหุ้นในแต่ละวัน. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดการลิ่งราคาขาย-ซื้อไว้ที่ +30% และ -30% จากราคาปิดวันทำการก่อนหน้า. ถ้าราคาหุ้นแตะสูงไปถึง 130% จากราคาปิดวันก่อนหน้า